บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGPรายงานว่ากำไรสุทธิไตรมาสแรก เท่ากับ 1,220 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 171เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมีอัตรากำไรสุทธิที่ร้อยละ 4
สำหรับ EBITDA ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 นั้น เท่ากับ 4,471 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมี EBITDA Margin ที่ร้อยละ 13
หุ้น SCGP ร่วง หลังกำไรปี 65 ดิ่ง 30% เหลือ 5.8 พันล้าน ปันผล 0.35 บาท
SCGP ทุ่ม 450 ล้านบาท ขยาย “ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์” ดันกำลังผลิตเพิ่ม 12%
กำไรที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากปริมาณการขายและราคาขายที่ลดลง เนื่องจากความต้องการบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคชะลอตัว ในขณะที่กำไรเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้น มีสาเหตุหลักจากต้นทุนที่ปรับตัวลงโดยเฉพาะต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งพร้อมกับการฟื้นตัวของปริมาณการขายกระดาษบรรจุภัณฑ์สำหรับตลาดทั้งในประเทศและส่งออก
ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 SCGP มีรายได้จากการขายเท่ากับ 33,729 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยรายได้จากการขายที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีสาเหตุหลักมาจาก
- ผลกระทบต่อเนื่องจากนโยบายล็อกดาวน์ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิดในปีก่อนของประเทศจีน ทำให้ความต้องการกระดาษบรรจุภัณฑ์โดยรวมลดลง ซึ่งส่งผลต่อปริมาณการขายและราคาขายที่ลดลงตามไปด้วย
- อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคหดตัวลงโดยเฉพาะการใช้จ่ายในกลุ่มสินค้าที่ไม่จำเป็น สำหรับรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายในกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและธุรกิจเยื่อและกระดาษ ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศต่างๆ พร้อมทั้งการส่งออกกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่มากขึ้นหลังจากการเปิดประเทศของจีน
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติเห็นชอบโครงการลงทุนเข้าซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วนร้อยละ 70 ของ Starprint Vietnam JSC (หรือ “SPV”) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษแข็งแบบพับได้(Offset folding carton) ที่มีชื่อเสียงในประเทศเวียดนาม โดยมีมูลค่ากิจการรวมไม่เกิน 1,050 พันล้านดอง หรือประมาณ 1,534 ล้านบาท
การควบรวมกิจการ (Merger and Partnership: M&P) ดังกล่าวจะดำเนินการผ่านความร่วมมือกับบริษัทสตาร์เฟล็กซ์ จำกัด(มหาชน) หรือ Starflexบริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (Flexible packaging) ที่มีฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งจะลงทุนร้อยละ 25 ใน SPV หลังจากธุรกรรมนี้เสร็จสิ้น ธุรกรรมข้างต้นอยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2566
ทั้งนี้ บริษัทจะเปิดเผยขนาดของรายการและโครงสร้างการถือหุ้นตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ว่าด้วยการได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ต่อไป
ราคาหุ้น SCGP ปิดช่วงเช้า ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.59% ปิดที่ 42.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 306.45 ล้านบาท